| EP.03 |

He is my treasure.

 

[วิ่งไล่จับสนุกหรือเปล่า ที่รัก?]

"!!!"

แรงสั่นจากมือถือภายในกระเป๋ากางเกงกับเสียงยียวนแสนคุ้นเคย เอียนรีบหยิบมือถือขึ้นมามองดูหน้าเจอที่ดำมืดแต่กลับมีเสียงพูดพร่ำออกมา ทำเอาหัวคิ้วของเขากระตุกไม่หยุด

"นายรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้น่ะ!"

เขาไม่รีรอที่จะตะโกนใส่คนในสายด้วยความเดือดดาล แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงเสียงหัวเราะขบขันในลำคอดูเหมือนอีกคนจะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรในขณะที่เขาต้องมาวิ่งหนีตาย

เอียนขมวดคิ้วเข้าหากันจนจะผูกเป็นปมเขาหันมองด้านหลังที่กลุ่มชายปริศนายังวิ่งไล่ไม่หยุด เขากำปืนในมือแน่นหันไปกราดยิงใส่กลุ่มคนด้านหลังในตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่ามันจะโดนหรือไม่อย่างไรเสียขอแค่สกัดใครสักคนออกไปได้ก็จะดีมาก

[รีบๆ มาที่ดาดฟ้าล่ะฉันรอนายอยู่]

"รอบ้าบออะไรกัน!"

[———]

"เฮ้!...ไอ้บ้านี่!"

มือบีบมือถือแน่นระบายอารมณ์ที่คุกรุ่นในทรวงอกก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งขึ้นขั้นบันไดอย่างคล่องแคล่ว เอียนก้าวเท้าสุดท้ายเหยียบพื้นดาดฟ้าเข้ารีบวิ่งไปยังสุดขอบตึกของโรงแรมมาม้าเมดิสันออกแรงกระโดดไปยังอีกตึกหนึ่ง

โชคดีที่ยังมีดาดฟ้าให้ไปต่อ ถ้าหากมัวแต่ยืนรอเดเมียนมาก็ไม่รู้ว่าจะโดนจับไปก่อนหรือเปล่า

"มากับเราเถอะ พวกเราไม่อยากใช้กำลัง!"

"ตามได้ตามดีจริง...."

เอียนสบถหัวเสียในตอนนี้แรงที่เคยมีของเขาเริ่มหดหายไปทีละน้อยจากวิ่งเร็วกลายเป็นช้า เขาเปิดปากหอบหายใจเหนื่อยอ่อนถึงกระนั้นก็ยังไม่ล้มเลิกการวิ่งหนีการไล่ล่า

"...โอ๊ย!" ยกมือขึ้นกุมแก้ม "ไอ้พวกเวร!"

กระสุนที่เพิ่งจะถูกยิงผ่านไปเมื่อครู่เฉียดแก้มขวาเขาไปสร้างบาดแผลเป็นทางยาวเลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลจากปากที่เปิดอ้าเล็กน้อย ความเจ็บจี๊ดจากการเสียดสีลม'จนต้องยกมือขึ้นกุมแก้มพลางเบ้หน้าคิ้วขมวด

เขาวิ่งมาต่อเรื่อยๆ จนทางด้านหน้าอีกไม่กี่ตึกก็จะสิ้นสุดแล้วทางไปต่อ เอียนได้แต่นึกถึงคำพูดของเดเมียนที่บอกเมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่าจะรออยู่ดาดฟ้าก็ไม่เห็นวี่แววของ'อีนิกม่าตัวสูงเลยสักนิด

"หมดทางหนีแล้วมากับพวกเราซะ!"

"...ให้ฉันรอนี่ต้องนานขนาดไหนเนี่ย"

ไม่มีทางไปต่อข้างหน้าถ้าดูจากพื้นถึงชั้นดาดฟ้าที่เขาอยู่ตกลงไปคงไม่ตายก็พิการแขนขา เอียนตวัดสายตามองกลุ่มชายที่เดินเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเขาพร้อมกำปืนในมือแน่นหัวคิ้วขมวดเข้าหากันสอดส่องสายตาไปรอบๆ เพื่อหาทางหนี

"ถ้าคิดจะหนีไม่มีประโยชน์หรอก พวกเราปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว"

เอียนจิปากไม่สบอารมณ์ เขาไม่เข้าใจคนพวกนี้พูดเหตุผลที่จะจับเขาก็มีแค่เพราะเขามีความเกี่ยวข้องกับเดเมียน มีความสัมพันธ์กับเดเมียนงั้นเหรอ? โดยไม่ถามเขาเลยว่าเขาเต็มใจที่จะไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า!

คิดถึงเจ้าของดวงตาสีแดฟโฟดิลก็พยายามส่องสายตามองดูวี่แววของอีกฝ่าย แต่ท่าทีหรือการเคลื่อนไหวกลับเงียบกริบไร้เงาเช่นเคย

"อั๊ก!?" พลันท้ายทอยถูกตีอย่างแรงจนร่างกายทรงตัวไม่อยู่ ล้มตึง'ลงไปนั่งกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ "...พวกนาย แค่ก!"

"ขอโทษด้วยที่ใช้ความรุนแรง"

อัลฟ่าหนุ่มพยายามปกป้องตัวเองโดยการปล่อยฟีโรโมนออกมากดข่มแต่เหมือนจะไม่ได้ผล คนพวกนี้เดินเข้ามาล้อมตัวเอาไว้กักขังไว้เป็นศูนย์การของวงกลม ปืนในมือก็ถูกแย่งไปในตอนนี้เขาไม่เหลือของที่สามารถปกป้องตัวเองได้นอกจากมือเปล่าที่น่าจะทำอะไรคนพวกนี้ไม่ได้มาก

เอียนค่อยๆ ประคองตัวเองขึ้นมานั่งแต่กลับถูกกดลงกับพื้นมือไพล่หลังใบหน้าถูกกดให้แนบพื้นปูนร้อนฉ่า เลนส์แว่นตาในตอนนี้เริ่มจะแตกร้าวเรื่อยๆ เขากัดฟันกรอดพยายามดิ้นหนีการจับกุม

"เราจะให้คุณหลับไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของคุณเอง"

"!!!"

หน้าของเขาถูกจับให้เงยขึ้นพร้อมกับความเจ็บที่ลำคอ เอียนรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังถูกฉีดเข้ามาในร่างกายจึงออกแรงดีดดิ้นให้หลุดแต่กลับกันยิ่งเขาดิ้นมากเท่าไรเข็มที่แทงเข้ามาก็ยิ่งทำให้เลือดเขาออกมากขึ้นเท่านั้น

"พวกแกฉีดอะไรเข้ามา..."

ไร้เสียงตอบชายหนุ่มปริศนาหันหน้าไปคุยกันพลางพยักหน้าเป็นการเข้าใจ ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเบลอคล้ายสติกำลังหลุดลอยไปไกลเอียนพยายามประคองสติของตัวเองแต่อยู่ได้ไม่นานภาพตรงหน้าก็ตัดไป

ภาพสุดท้ายที่เห็นคือร่างของใครบางคนค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับบุคคลชุดดำด้านหลังเรือนผมสีบลอนด์ทองคงไม่ต้องเดาให้มากความว่าอีกคนเป็นใคร เอียนรับรู้ได้ถึงรอยยิ้มบนใบหน้าแต่ทำไม....

มันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวแบบนั้น?

 

 

 

ความกลัวเกาะกุมหัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนลมหายใจอุ่นที่เป่าลดข้างหูทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง จะก้าววิ่งหนีก็ทำไม่ได้ในเมื่อทางหนีถูกปิดกั้นหมด เขาไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหนดี จึงก้มหน้ามองเท้าตัวเองพลางเหงื่อตกบีบมือตัวเองแน่นเสียจนเป็นสีซีดทั้งมือ

"กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ" เสียงทุ้มนุ่มแฝงไปด้วยกลิ่นอายความอันตรายเป่าลมใส่ใบหูเป็นการหยอกล้อ "อา...ไม่อยากทำเลยแฮะ"

เอียนรับรู้ได้ถึงของมีคมที่กดลากตามกระดูกสันหลัง เขาเกร็งตัวยืดหลังตรงนัยน์ตาสั่นระริกอย่างช่วยไม่ได้เสียงหัวเราะขบขันภายในลำคอยิ่งเป็นเชื้อเพลิงให้ความกลัวลุกโชน

"คะ...คุณฆ่าเขาเหรอ"

"หึ จะบอกว่าใช่ก็ไม่เชิงหรอก"

อัลฟ่าหนุ่มหันหน้าไปเผชิญคนสูงกว่า ถึงแม้ภายในดวงตาจะมีความหวาดหวั่นอัดแน่นกันอยู่เอียนเม้มริมฝีปากแน่นพยายามทำใจดีสู้เสือใส่จนฝ่ายนั้นหัวเราะ

"คุณฆ่าเขาเพื่ออะไร"

น้ำเสียงของเขาสั่นเครือนัยน์ตาสั่นกลัว เอียนรู้สึกราวกับคนตรงหน้ามีอำนาจสูงกว่าอย่างน่าประหลาดไม่ว่าจะทางกายภาพหรือสติปัญญาราวกับว่าถ้าเขาเผลอคิดอะไรไม่ดีไปจะสามารถถูกอ่านออกไปโดยง่าย

เจ้าของส่วนสูงร้อยเก้าสิบไม่ตอบเขาผลักมือออกจากบานประตูแต่ในมือยังคงถือมีดขัดเงาชี้มาอยู่ ชายหนุ่มผลักประตูให้เปิดกว้างพลางเดินเท้าไล่จี้ให้อีกคนเดินถอยหลังเข้าไปในห้อง

"คุณจะทำอะไร"

"น่าแปลก..." ริมฝีปากโค้งยิ้มที่แฝงไปด้วยความหนาวเย็น ดวงตาคมสันจ้องมองพนักงานหนุ่มราวกับเหยื่อที่ไม่มีทางหนี "กลัวจนตัวสั่นขนาดนี้ยังยืนคุยกับฉันได้"

ร่างที่ถูกบังคับให้ต้องเดินเข้ามาภายในห้องมืดกับกลิ่นเหม็นที่คละคลุ้ง เสียงรองเท้ากระทบพื้นยังคงดังก้องทั่วห้องทำงานใหญ่ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวกำลังหลุดจากทรวงอกออกมาเต้นด้านนอก

"คุณ—!"

*ตุบ!*

ของเหลวสีแดงไหลนองพื้นทำให้เขาลื่นล้ม ตัวกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงพร้อมกับหยาดเลือดที่ซับเปื้อนตามเสื้อผ้าและมือทั้งสองข้าง

"!!!"

เอียนสะดุ้งตัวรีบคลานออกไกลจากร่างของประธานตัวท้วมด้านหลังทันที มือทั้งสองเปื้อนเลือดเหนียวเหนอะหนะยามคลานก็ทำให้มันเปรอะเปื้อนไปทั่วพื้นเรียกเสียงหัวเราะของคนที่ยืนอยู่ได้อย่างดี

ร่างสูงค่อยๆ เดินเข้ามาหาพร้อมกับย่อตัวคุกเข่าให้ใบหน้าเสมอกันรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนขัดแย้งกับดวงตาที่ส่งมา สะท้อนภาพของอัลฟ่าหนุ่มที่นั่งตัวสั่นไม่ว่าด้วยอำนาจใดๆ ก็ตามเอียนไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนนอกเสียจากเหตุการณ์ที่เสียพ่อแม่ไปเมื่อสองปีก่อน

น่าแปลก....

"....น่าสนใจดี"

ฝ่ามือหนากระด้างเอื้อมมาเชยคางขึ้นจับหน้าหันซ้ายทีขวาทีพิจารณาเหมือนกับของเลอค่าราคาแพง ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองพร้อมกับร่างกายที่สั่นอัลฟ่าหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเขาค่อยๆ ขยับถอยห่างจากร่างของอีกฝ่าย

*หมับ!*

"ฉันไม่ฆ่านายดีกว่า"

"..."

"สู้ให้เลี้ยงดูไปก็ไม่เสียหาย.."

"...!"

"จริงไหม:)"

 

 

 

เปลือกตาบางเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้าเพดานสีขาวบริสุทธิ์และแสงไฟทำให้ต้องหรี่ตา เขารู้สึกปวดที่หัวและลำคอเอียนประคองตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเขากวาดสายตาไปรอบสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยในขณะที่ยังมึนงงอยู่

"..."

สายตาเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ร่างของชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างนิ่งอยู่บนเก้าอี้มุมห้อง พร้อมกับเปลือกตาที่บดบังดวงตาสีแดฟโฟดิล บนตักของอีกฝ่ายมีหนังสือเล่มหนาว่างเอาไว้มือทั้งสองประสานกันไว้ที่หน้าตัก

ก่อนจะหันมามองร่างกายของตัวเอง เสื้อบนตัวของเขาถูกเปลี่ยนไปแล้วเป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่ดำทึบร่างกายก็ถูกล้างคราบฝุ่นคราบดินออกไปหมดจนสะอาด รอบคอของเขามีผ้าพันแผลพันเอาไว้กับแก้มข้างขวาก็มีปลาสเตอร์แปะอยู่

"ฟื้นแล้วเหรอ"

น้ำเสียงที่ซ่อนความง่วงงุนเอาไว้เรียกความสนใจจากเอียน นัยน์ตาสีนิลจ้องมองหน้าของ'อีนิกม่าหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา เดเมียนทิ้งตัวนั่งข้างเตียงยกมือขึ้นกุมแก้มข้างที่มีปลาสเตอร์ติดอย่างทะนุถนอมเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

สายตาที่เคยเย็นชาตอนนี้กลับมีแต่ความโอนอ่อนและห่วงใยอัดแน่น

"คนพวกนั้น..."

"ฉันจัดการให้แล้ว"

"..."

"หิวหรือเปล่า"

เอียนนิ่งเงียบแต่หัวคิ้วแทบจะชนกัน เดเมียนตาละห้อยดูเหมือนเขาจะติดเล่นไปหน่อยกะจะแกล้งให้อีกคนตกใจเล่น แต่ไม่น่าเชื่อว่าคนทางฝั่งนั้นจะกล้าทำร้ายร่างกายที่เขาหลงใหลได้ขนาดนี้ไม่โดนโกรธสิถึงจะแปลก

เดเมียนเลื่อนมือมากอบกุมมือเล็กกว่าออกแรงบีบเป็นเชิงการขอโทษ เขาก้มหน้ามองมือที่กุมอยู่ไม่มีท่าทีที่เอียนจะดึงมือออกเลยสักนิดทำให้หัวใจของ'อีนิกม่าผู้ทรงอิทธิพลจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

"ฉัน...ขอโทษ"

"...."

"เพราะฉันติดเล่นไปหน่อย" ร่างสูงค่อยๆ ช้อนตามองพร้อมกับความรู้สึกผิดประดาเข้ามา "ถ้าไปช่วยเร็วกว่านี้นายคง—"

ฝ่ามือเรียวยกขึ้นห้ามปรามคำแก้ตัวของอีกคน เอียนรู้ดีว่าอย่างไรเสียถ้ามัวแต่โกรธเดเมียนไม่แคล้วโดนเดินตามไล่ขอโทษทั้งวันจนน่ารำคาญ

เดเมียนที่เหมือนโดนยกโทษก็ออกอาการดีใจออกนอกหน้านอกตา ถ้าตัดความโหดเหี้ยมและโรคจิตออกไปแล้วเปรียบเดเมียนเป็นสุนัขก็เหมือนโกลเด้น ริทรีฟเวอร์ก็ไม่เชิง เอียนยิ้มให้กับความคิดไร้สาระของตัวเอง

"แล้วมาม้าเมดิสันล่ะ" เมื่อนึกถึงเบต้าหญิงชราก็เกิดอาการเป็นห่วง "มาม้าอยู่ไหน"

"ฉันให้คนพาเธอไปอยู่ที่อื่นก่อนถ้าอยู่ด้วยกันที่นี่จะไม่ปลอดภัย"

อัลฟ่าหนุ่มพยักหน้าเข้าใจอย่างน้อยๆ มาม้าเมดิสันก็ปลอดภัยหายห่วง เขาเอนตัวพิงหัวเตียงพลางถอนลมหายใจจ้องมองปลายเท้าที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนา

"ฉันจะเรียกคนให้เอาอาหารขึ้นมา"

เดเมียนลุกขึ้นเต็มความสูงเดินเปิดประตูหน้าห้องพูดคุยกับบอดี้การ์ดหนุ่มสองสามประโยคก่อนจะปิดประตูและกลับมานั่งที่เดิม ความเงียบเข้าปกคลุมจะเห็นมีแค่เสียงเดินของเข็มนาฬิกาติดฝาผนังที่ดังก้อง ไม่มีใครคิดเริ่มบทสนทนาถัดไปต่างคนต่างอยู่ในโลกของตัวเองเอียนไม่มีอะไรจะคุยกับอีกคนส่วนเดเมียนก็ไม่อยากจะทำอะไรแผลงๆ ใส่

จวบจนมีคนมาเคาะประตูกับกลิ่นหอมของอาหารร้อนๆ เดเมียนหาเก้าอี้มานั่งข้างเตียงเอียนที่จะเอื้อมมือไปหยิบถาดอาหารก็โดนสายตาตวัดใส่

"ฉันแค่โดนกระสุนเฉี่ยวไม่ได้พิการ" เอียนทำหน้าไม่พอใจใส่ แต่เดเมียนหรือจะสนใจ "เพราะงั้นเอามาฉันกินเองได้"

พยายามไขว่คว้าเอาถาดอาหารแต่เพียงเดเมียนชูมันขึ้นเหนือหัวเขาก็เอื้อมไปไม่ถึงจริงๆ ได้แต่นั่งกอดอกรออีกคนป้อนข้าวต้มโดยที่จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เขาละเมียดละไมรับรสภายในปากอย่างเชื่องช้าแล้วกลืนลงไปด้วยความลำบากไม่น่าเชื่อว่าการโดนเข็มแทงที่ลำคอทำให้กลืนลำบากขนาดนี้

"หลังจากนี้...นายย้ายมาอยู่กับฉันนะ—"

"อะไรนะ!"

อัลฟ่าหนุ่มแทบจะตะโกนสุดเสียงจนลำคอปวดแสบขึ้นมาต้องยกมือกุมเอาไว้ เดเมียนรีบรินน้ำในเหยือกใส่แก้วส่งให้ทันทีเอียนรีบดื่มน้ำในแก้วให้หมดแล้วหันกลับมาจ้องเขม็งใส่อีกคน

"เพราะอะไร"

"ถ้ากลับไปมันจะอันตราย"

"อยู่กับนายอันตรายยิ่งกว่า"

"โถ่...เอียนฉันเป็นห่วงนายนะ" เดเมียนเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เขารู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้มันเร็วไปที่อีกคนจะตั้งตัวได้ "ถ้านายโดนจับไปฉันคงรู้สึกผิดแย่"

เขาพูดพลางทำหน้าตาละห้อยน่าสงสาร แต่ด้วยลักษณะทางกายภาพและนิสัยของเจ้าตัวก็ทำให้เอียนสงสารไม่ลงจริงๆ เขายกมือนวดขมับของตัวเองไล่ความเครียดออกไปให้หมด

"..."

"...เอียน"

เอียนไม่ตอบเขาหันหน้าไปอีกทางจ้องมองท้องฟ้าสีครามผ่านบานกระจกใสเป็นการบอกกลายๆ ว่าตอนนี้ไม่อยากจะรับฟังอะไรและต้องการอยู่คนเดียว เดเมียนได้แต่ถอนหายใจเขาวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงลุกขึ้นเดินไปหยิบโค้ทที่พาดเอาไว้กับเก้าอี้และเดินออกจากห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไร

*แกร๊ก...*

เสียงปิดประตูกับหนึ่งชีวิตที่หายไปทำให้ห้องแห่งนี้ดูกว้างและเหงาหงอย เอียนกะพริบตานั่งหายใจเข้าหายใจออกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีที่นี่ไม่ใช่ที่ที่อยู่ๆ เขาจะไปเดินเข้าห้องนู้นห้องนี้ได้และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่ที่ไหน

ก็ทำได้แต่กินข้าวต้มที่ยังไม่ลดถึงครึ่งชามกับเดินสำรวจห้องแก้เบื่อไปก่อน

เอียนวางชามข้าวต้มที่ว่างเปล่าไว้บนถาดอาหารเหมือนเดิมพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแก้กระหาย เขายันตัวลุกเดินไปยังบานประตูทางออกไประเบียงที่ถูกม่านขาวบางบดบังวิสัยทัศน์

"...อะไรวะเนี่ย!?"

เมื่อเปิดผ้าม่านออกเปลือกตาพลันเบิกกว้าง ความตื่นตกใจถูกระเบิดออกมาเขารีบเดินเข้าไปจับราวกั้นเหล็กไล่สายตาไปทั่วภูมิศาสตร์ที่แปลกตาโดยรอบถูกโอบล้อมด้วยภูเขาสูงและไม้สนสูง

อากาศเย็น'ตีเข้าร่างกาย มือทั้งสองข้างยกขึ้นกอดตัวเองแต่ยังไม่ลืมทิ้งความตื่นตระหนกเมื่อครู่ ณ ตอนนี้เขาไม่อยู่ที่ไหนสักแห่งในอเมริกาแน่ๆ

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

"ที่นี่ที่ไหน..."

"เซอร์แมท...สวิตเซอร์แลนด์ครับ?"

เอียนคิ้วขมวดเขานับไม่ได้แล้วว่าตั้งแต่เกิดเรื่องอีกคนทำเขาขมวดคิ้วไปกี่ครั้ง แล้วอีกอย่างอีนิกม่านั่นพาเขาข้ามน้ำข้ามทะเลสี่พันไมล์เพื่อมาที่นี่โดยที่เขาไม่รับรู้เหตุการณ์อะไรเลยเนี่ยนะ! เขาจ้องหน้าบอดี้การ์ดหนุ่มที่ยังงุนงงไม่หาย

"เขาอยู่ไหน" อัลฟ่าหนุ่มถามเสียงขุ่น "ไปเรียกเขามาที"

บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้าพลันกำลังจะเดินออกจากห้องแต่บานประตูกลับมีคนเปิดเข้ามาเสียก่อน แล้วจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวต้นเหตุที่พาเขามานี่ เอียนรีบปรี่ตัวเข้าไปกำคอเสื้ออีกฝ่ายพลางทำหน้าหาเรื่องเต็มแก่ เดเมียนเองก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมอหัวพยายามกล่อมให้ใจเย็นแต่มีหรือคนที่อารมณ์เดือดดาลเต็มที่ อย่างเอียนจะยอมใจเย็น

"นายพาฉันมาที่นี่ทำไม"

"ที่นี่อยู่ในหุบเขาพวกมันจะเดินทางเข้ามาลำบาก—"

"โดยไม่ถามความคิดเห็นจากฉันเหรอ"

"เรื่องนั้น...."

เดเมียนกลอกตาไปมาเขายอมรับอีกเรื่องหนึ่งที่ทำอะไรปุบปับไม่ถามความสมัครใจก็จริง แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อที่นิวยอร์กมันไม่ปลอดภัยอีกแล้วถ้าให้อีกคนหนีไปหลบที่โอไฮโอหรือฟลอริดาก็คงโดนจับตัวได้ ยิ่งพวกนั้นเล็งจุดอ่อนของเขาเอาไว้อยู่คงส่งคนตรวจสอบทุกพื้นที่ของอเมริกาไปแล้ว ยิ่งเป็นลาสเวกัสยิ่งแล้วใหญ่

รู้สึกเหมือนเอียนจะมีอิทธิพลกับเขามากเกินไปแล้ว...

"แต่ว่าถ้าฉันเคลียร์ทุกอย่างเสร็จจะรีบพานาย'กลับนิวยอร์ก"

เอียนสะบัดมือที่กำคอเสื้อของอีกฝ่ายออกเขาทำพ่นลมหายใจไล่ความคุกรุ่นภายในหลับตาปรับอารมณ์ สองเท้าเดินออกไปนอกระเบียงอีกครั้ง

นัยน์ตาสีนิลสอดส่องภูมิศาสตร์ของที่นี่อย่างละเอียดก็จริงที่เดเมียนพูดที่นี่อยู่บริเวณในหุบเขา การจะเข้ามาได้ก็ต้องเดินทางเข้ามาแถมสวิตเซอร์แลนด์ก็ยังไม่มีเขตออกนอกทะเลก็เป็นการยากที่เดินทางมาทางเรือ

เดเมียนมองแผ่นหลังของอัลฟ่าหนุ่มเขาไม่ได้เดินเข้าไปวุ่นวายเหมือนแต่ก่อน เพียงแต่หันไปกระซิบกระซาบกับบอดี้การ์ดที่อยู่ร่วมเหตุการณ์แทน

"ให้คนพาเขาทัวร์บ้านไปก่อน...อย่าให้เข้าใกล้กระท่อมหลังคฤหาสน์"

"ครับ"

บอดี้การ์ดหนุ่มตอบรับเสียงเบาเดินถอยหลังออกจากห้องไป ดวงตาคมสันสีแดฟโฟดิลเป็นประกายมองแผ่นหลังของผู้ร่วมอาศัย เอียนต้องการเวลาปรับตัวอีกสักระยะหากไม่มีอะไรผิดพลาดพวกเขาคงได้ตั้งหลักกันอยู่ที่นี่อีกหลายเดือนจนกว่าจะหาทางจบเรื่องนี้ได้

"ฉันจะจบเรื่องนี้ให้ไวที่สุด...."

กล่าวแผ่วเบาเขาจ้องมองคนเตี้ยกว่าไม่นานก็ออกจากห้องไปด้วยความเงียบเชียบกว่าเอียนจะรู้ตัวเขาก็เห็นเหลือตัวเขาเพียงคนเดียวในห้องซะแล้ว

"..."

เขายืนนิ่งสงบรับลมเย็นไม่กลัวที่จะเป็นหวัดผิวขาวเริ่มขึ้นรอยแดงจางเพราะอากาศเย็นที่กัดให้ความรู้สึกคันยุบยิบบริเวณผิวหนัง ดวงตาสีนิลจ้องมองภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ตรงหน้าพลันภาพในความฝันที่เขาเพิ่งเห็นก็กลับมา

'สู้ให้เลี้ยงดูไปก็ไม่เสียหาย'

มือเรียวยกขึ้นกุมขมับที่จู่ๆ ก็ปวด เขาทรุดตัวนั่งกับพื้นเหงื่อซึมตามกรอบหน้าร่างกายเริ่มอุ่นขึ้นมาในขณะที่อากาศด้านนอกนี้มีแต่ความเย็นที่พัดมา ความปวดหัวและภาพเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นประดาฉายเข้ามาไม่หยุดหย่อน

จมูกเริ่มได้กลิ่นเหม็นคาวของโลหิตเหมือนเหตุการณ์ในวันนั้นไม่มีผิด ภาพของประธานตัวท้วมที่นอนจมกองเลือดและน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงความป่าเถื่อนนั้นอีก

"..หยุดสักที"

'ได้โปรดปล่อยฉันไป!'

ราวกับว่าเดเมียนสร้างความหวาดกลัวให้เขาสลักลึกลงไปถึงก้นบึ้งของความดำมืด หรือแม้แต่เหตุการณ์การฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาที่อีกคนทำต่อหน้าเขาอีกหลายครั้งนั่นอีก ในการเห็นศพของประธานตอนนั้นไม่ใช่เหตุการณ์เดียวที่เขาเจอยังมีอีกหลายครั้งหลายคราที่อีกคนทำแบบนี้...

ทั้งเพื่อนร่วมงาน หญิงวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าแผนกหรือแม้แต่กระทั่ง...

แฟนสาว

เอียนงอตัวเข้าหากันกับพื้นเย็นเฉียบเปลือกตาจะปิดลงเรื่อยๆ ความรู้สึกเหนื่อยเพลียเข้าโจมตีแถมในขณะที่สมองยังฉายไม่หยุด ความเย็นเกาะกินร่างกายแต่เขาหาสนใจตอนนี้เหนื่อยมากพอแล้วถึงแม้ดวงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า...

"นายมัน...."

 

 

 

"จับพวกมันเรียบร้อยแล้วนะ"

"ครับท่าน"

เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบพยักหน้าความเรียบนิ่งถูกฉาบตั้งแต่เดินออกจากห้อง เขาเดินลงบันไดพร้อมลูกน้องอีกคนที่เดินตามหลังหน้าคฤหาสน์มีรถจอดเอาไว้อยู่เขาไม่รอช้าที่จะขึ้นไปนั่ง เขาหยิบซิการ์ในกระเป๋าขึ้นมาสูบพลางมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง

จากภาพที่เคยเป็นลานหญ้ากว้างขวางแปลเปลี่ยนเป็นป่าที่ต้นไม้ขึ้นสูงใหญ่ ความเย็นชื้นแผ่เข้ามาในรถบรรยากาศรอบข้างรอบเย็นยะเยือกจนไอออกปาก

ตัวรถจอดลงที่หน้ากระท่อมเล็กๆ ร้างผู้คนเถาวัลย์พัดเลื้อยรอบตัวบ้านบรรยากาศน่าขนลุกไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหวาดกลัวแต่อย่างใด ขายาวก้าวลงจากรถดวงหน้าไม่ได้บ่งบอกอารมณ์

ไร้ความขี้เล่นและอ่อนโยน...

"ท่านครับ เราพยายามเค้นเอาคำตอบแล้วแต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมปริปากครับ"

"ไร้ประโยชน์"

ผู้อยู่ใต้อาณัติก้มหน้ามิดปล่อยมือให้เหยียดตรงข้างลำตัว เดเมียนปลายตามองเหล่าคนใต้อำนาจก่อนจะเดินเข้าไปภายในกระท่อม ประตูไปชั้นใต้ดินถูกเปิดออก กลิ่นเหม็นและความอับชื้นของที่นี่ทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทุกครั้งที่มาเยือน อีนิกม่าย่ำเท้าลงขั้นบันไดขึ้นรากับความไม่สบอารมณ์ เขาหยิบถุงมือหนังขึ้นมาสวมฆ่าเวลา

"..."

ยิ่งลงไปลึกเท่าไรเสียงอืออึงจากด้านล่างก็ยิ่งแจ่มชัด ด้านล่างมีแต่แสงไฟสลัวจากคบเพลิงหากไม่ระวังคงได้ล้มหัวฟาดกับเสาสักต้นในนี้กรงขังหลายกรงมีคนอยู่ด้านใน ร่างกายที่สูบผอมจนเนื้อหนังมังสาติดกระดูกส่งเสียงร้องในลำคออย่างสิ้นแรง

สองเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูบานหนึ่งด้านในมีเสียงพูดคุยดังรอดออกมาเป็นระยะ พอฝ่ามือหนาผลักบานประตูเขาไปภายในก็เงียบลงทันตาจะมีแค่เสียงน้ำที่ซึบจากด้านบนหยดลงพื้น ฟีโรโมนของผู้เหนือกว่ากดข่มเสียจนอยากจะเดินหนีออกจากตรงนี้

"ใครส่งแกมา"

ไม่รอให้เสียเวลา เดเมียนเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงหน้าชายหนุ่มที่ตามเนื้อตัวมีแต่คราบเลือดแห้งติดและบาดแผลเป็นรอยกรีดยาว มือใต้ถุงมือจับเข้าที่คางของอีกฝ่ายออกแรงบีบพลางกดมุมปากที่แตกเลือดซิบไปด้วย

"..."

ไร้เสียงตอบดวงตาแข็งกร้าวอัดไปด้วยไฟแค้นและความเจ็บปวด เดเมียนเค้นหัวเราะเขาสะบัดมือที่จับคางอย่างแรงเอนตัวนั่งไขว่ห้างประสามือไว้ที่หน้าตักอย่างสงบเสงี่ยม จ้องตากับคนต่ำกว่าเชิงเหยียดหยาม

"อืม คงเป็นตาแก่นั่นสินะ—"

"อย่าเรียกนายท่านแบบนั้น!"

"โอ้ หมาภักดีเสียด้วย"

ยามเมื่อเรียกด้วยสรรพนามไร้มารยาทก็รีบตะโกนเถียง ฟันขบเข้าหากันเรียกรอยยิ้มเหี้ยมบนใบหน้า เดเมียนรู้สึกสนุกขึ้นมาในทันทีเรื่องทั้งหมดเกิดจากใครเขาก็ไม่ต้องสืบให้มากความหรอก

เพราะคนที่จะโค่นล้มอำนาจเขามากที่สุดก็มีอยู่คนเดียว

"หึ! เจ้านายแกคงอยากล้มฉันขนาดนั้นเลยสินะ"

"..."

"อยากจะให้หลานชายขึ้นมาแทนที่ฉันจนตัวสั่น"

เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวนปลุกเร้าอารมณ์คุกรุ่นให้โชติช่วง รอยยิ้มมุมปากขัดกับดวงตาที่เรียบนิ่งช่างสร้างบรรยากาศแสนเย็นยะเยือกได้ไม่น้อย ดวงตาสีแดฟโฟดิลสะท้อนภาพของคนตรงหน้าเหมือนเหยื่อที่ไม่มีทางสู้ ได้แต่ถูกนักล่าที่อยู่สูงกว่าเย้ยหยัน

"เอ้ หลานชายชื่ออะไรนะ..อืม"

"..."

"เจคอบหรือเปล่า"

"แก!"

เดเมียนยิ้มขำหยักไหล่ไม่สนใจ คนที่อยู่เบื้องล่างก็ได้แต่กัดฟันจ้องเขม็งพยายามฝืนร่างกายที่ปวดร้าวเขาไปใกล้ร่างตรงหน้า แต่กลับถูกจับตรึงไหล่กดลงกับพื้นเอาไว้

"เจคอบสินะ..." เขายังคงพูดปั่นประสาทไม่หยุด "เห็นบอกว่าทำตัวเป็นเด็กเกเรหนิ"

ข่าวคราวที่ได้จากมือขวาบ่งบอกได้ว่าหลานชายของผู้ที่คิดจะล้มเขาไร้ความสามารถใช้อารมณ์เป็นตัวตัดใจแถมยังเป็นพวกเที่ยวผาสุขไม่เอาการเอางานอีก ถ้าขึ้นมาแทนที่เขาไม่อยากจะรู้เลยว่าอเมริกาจะราบเป็นหน้ากลองขนาดไหนอนาคตคงเหลือแต่ชื่อไว้ให้เรียก

"หึ สักวันคนของแกก็ต้องถูกนายท่านสั่งฆ่า"

พลันดวงตานิ่งไร้แววจ้องหน้าผู้โอหังกระแสความรุนแรงถูกปล่อยมาในรูปแบบของการกดข่ม ความรุนแรงของอารมณ์กดทับคนโดยรอบเสียจนมึนหัว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรงนัยน์ตาที่เคยเป็นประกายบัดนี้ไร้แววตาดั่งคนขาดสติ

"อย่าแตะต้องเขา..."

"หึ! สุดท้ายแกก็มีจุดอ่อนที่มันสินะ"

ถึงร่างกายจะสะบักสะบอมแค่ไหนแต่ปากก็ยังอวดดีไม่หยุด เส้นอารมณ์ของเดเมียนแทบจะขาดเขาพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ไม่เผลอทำร้ายคนตรงหน้าจนสิ้นลมเพราะอย่างไรคนคนนี้ก็เป็นหลักฐานที่จะสาวไปถึงตัวคนทำได้

"ก็แค่คนธรรมดาจะไปมีดีอะไร แค่ตายไปก็ไม่มีใครสนใจ—อั๊ก!"

เส้นอารมณ์ขาดสะบั่นกายสูงลุกจากเก้าอี้ตรงเข้าไปบีบคอ ริมฝีปากที่เอาแต่พ่นคำเสียๆ หายๆ กับที่รักของเขาอย่างนั้นอยากจะดึงมันออกมาให้รู้แล้วรู้รอด นัยน์ตาที่ไร้แววปรากฏความคลุ้มคลั่งแรงบีบมากเพียงใดแต่ก็ยังยิ้มเหิมเกริม

อีนิกม่ากำลังจะคลุ้มคลั่งจริงๆ แล้ว

"...ท่านครับ"

เสียงจากมือขวาด้านหลังเรียกสติที่หลุดลอยเข้าร่างดังเดิม เดเมียนยกคออีกฝ่ายขึ้นก่อนจะโยกลงพื้นแรงกระแทกทำให้กระอักเลือดกองใหญ่ เขาถอดถุงมือหนังทิ้งลงกับพื้นซุกมือของตัวเองกับกระเป๋าเสื้อโค้ทก่อนจะหลังหันเพื่อเตรียมกลับคฤหาสน์

"เขาเป็นสมบัติของฉัน"

 

 

 

↢——————————↣

Damian : He is my treasure.

↢——————————↣

#สมบัติคุณท่าน